การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล วิเคราะห์แรงจูงใจในการออมและวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ได้แก่ สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 216 คน ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วย t-test การวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Correlation) และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression) ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออมได้แก่ อายุ สถานภาพสมรส อาชีพ และประเภทของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นสมาชิกแยกตามอาชีพ ซึ่งมีทั้งส่งผลต่อพฤติกรรมการออม แรงจูงใจในการออมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออม 2) แรงจูงใจในการออม ได้แก่ ด้านผลตอบแทน ด้านความสะดวกในการออม ด้านความมั่นคงในชีวิต ด้านกระบวนการให้บริการ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออม ได้แก่ ด้านเป้าหมายการออม ด้านระยะเวลาการออม ด้านวิธีการออม ด้านรูปแบบการออม ด้านจำนวนเงินออมและด้านการทำบัญชีรับ – จ่าย และ 3) เศรษฐกิจและสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออมและข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ ด้านรายรับ/รายได้ ด้านขนาดของครอบครัว ด้านรายจ่าย/ค่าใช้จ่าย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการออม ได้แก่ ด้านเป้าหมายการออม ด้านระยะเวลาการออม ด้านวิธีการออม ด้านรูปแบบการออม ด้านจำนวนเงินออม และด้านการทำบัญชีรับ – จ่าย โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05