การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร2) เพื่อศึกษาการบริหารความเสี่ยงที่มีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิผลการบริหารความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเก็บข้อมูลจากผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธุรกิจบริการ) ที่จดทะเบียนนิติบุคคลในเขตกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 400 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ เชิงพรรณนา ได้แก่ การหาค่าร้อยละ การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน โดยใช้การทดสอบความแตกต่างโดยใช้ค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ลักษณะทางประชากรศาสตร์ ด้านรูปแบบธุรกิจ จำนวนพนักงานมีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร แตกต่างกันการบริหารความเสี่ยง ด้านกลยุทธ์ ด้านการเงิน ด้านการปฏิบัติงาน ด้านการปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย มีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร มีการบริหารความเสี่ยงในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และการบริหารความเสี่ยง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านกลยุทธ์ด้านการเงิน ด้านการปฏิบัติงาน ด้านการปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย มีการบริหารความเสี่ยงอยู่ในระดับมาก และมีความสัมพันธ์กับผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับความสัมพันธ์สูง สรุปได้ว่าการบริหารความเสี่ยงมีความสัมพันธ์เชิงบวก และมีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทั้งนี้ หากผู้บริหารมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยงที่ดี มีมาตรการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม จะทำให้การบริหารงานมีความราบรื่นมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และส่งผลให้การดำเนินงานของธุรกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น