 
                    การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสูตรพื้นฐานที่เหมาะสมในการทำเต้าหู้แข็ง 2) ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมของการเพาะงอกถั่วเหลือง 3) ศึกษาคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของเต้าหู้แข็งกาบาสูงจากน้ำนมถั่วเหลืองเพาะงอก และ 4) ศึกษาการยอมรับของผู้บริโภคต่อเต้าหู้แข็งกาบาสูงจากน้ำนมถั่วเหลืองเพาะงอก ผลการวิจัย พบว่าสูตรที่ 3 เป็นสูตรพื้นฐานที่เหมาะสมในการทำเต้าหู้แข็ง ประกอบด้วยเมล็ดถั่วเหลืองดิบ น้ำส้มสายชูกลั่น 5 % และน้ำสะอาด ผลการศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมในการเพาะงอกถั่วเหลือง โดยประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสในด้านลักษณะที่ปรากฎ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม ด้วยการประเมินแบบ 9 ระดับ พบว่าผู้ชิมให้การยอมรับเต้าหู้แข็งสูตรที่ใช้ถั่วเหลืองเพาะงอกที่เวลา 24 ชั่วโมง ในระดับความชอบมาก ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ โดยมีคะแนนเฉลี่ย 7.98, 7.74, 7.92 และ 8.06 ตามลำดับ ส่วนด้านเนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม ผู้ชิมให้การยอมรับสูตรที่ใช้ถั่วเหลืองเพาะงอกที่เวลา 12 ชั่วโมง โดยมีคะแนนเฉลี่ย 7.64 และ 7.74 ตามลำดับ ผลิตภัณฑ์เต้าหู้แข็งจากถั่วเหลืองที่ผ่านการเพาะงอก 24 ชั่วโมง มีปริมาณสารกาบา 27.44 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์เต้าหู้แข็งจากถั่วเหลืองที่ไม่ผ่านการเพาะงอก ที่มีปริมาณสารกาบาเพียง 15.33 มิลลิกรัม เต้าหู้แข็งทั้งสองสูตรมีค่าความสว่าง (L*) ไม่แตกต่างกัน ค่าความแน่น (Firmness) ของเต้าหู้สูตรพื้นฐาน 31.14 นิวตัน สูงกว่าเต้าหู้แข็งสูตรที่ใช้ถั่วเหลืองเพาะงอกที่ 11.23 นิวตัน ขณะที่ค่ายืดหยุ่น (Springiness) ของทั้งสองสูตรใกล้เคียงกันที่ 5.58 นิวตัน และ 5.36 นิวตัน กลุ่มผู้บริโภคให้การยอมรับผลิตภัณฑ์เต้าหู้แข็ง กาบาสูงจากน้ำนมถั่วเหลืองเพาะงอก คิดเป็นร้อยละ 100 โดยสนใจผลิตภัณฑ์ร้อยละ 96 สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ร้อยละ 89.33 และรู้จักประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เต้าหู้แข็ง คิดเป็นร้อยละ 76.67