จำนวนวิทยานิพนธ์ ( 3 )
การพัฒนาสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก วิชาขนมอบยอดนิยม สำหรับนักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา
สื่อการสอนช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ผู้สอนและผู้เรียนเรียนรู้ไปพร้อมกันได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก วิชาขนมอบยอดนิยม สำหรับนักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา 2) ประเมินประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก วิชาขนมอบยอดนิยม สาหรับนักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก วิชาขนมอบยอดนิยม สาหรับนักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นวิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นจำนวน 20 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมของสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก 2) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติงาน 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก วิเคราะห์ข้อมูลด้วย สถิติค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้ประเมิน (RAI) และค่าประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย E1/E2 ตามเกณฑ์ 80/80 ผลการวิจัย พบว่า 1) เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องการทาชิฟฟอนเค้ก แบ่งเป็น 3 ตอน ได้แก่วัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำชิฟฟอนเค้ก ขั้นตอนการทำชิฟฟอนเค้กวนิลลา และ การนำไปประยุกต์เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชิฟฟอนเค้กหม้อแกงเผือก มีความเหมาะสมในระดับดีมาก2) ประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก มีค่าเท่ากับ 80.00/84.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ประเมินประสิทธิภาพที่ 80/80 และการประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้ประเมินในภาพรวมเท่ากับ 0.93 แสดงว่ามีความสอดคล้องกันมาก 3) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อสื่อมัลติมีเดียเรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (M= 4.95) งานวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะให้ใช้สื่อมัลติมีเดียกับผู้เรียนต่างกลุ่ม และให้การสนับสนุนการพัฒนาสื่อการสอนในหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากผู้สอนและสื่อการสอนที่หลากหลาย
การพัฒนาสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน วิชาการงานอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสื่อมัลติมิเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน 2) ประเมินประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน 3) ศึกษาความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมินชิ้นงานของนักเรียนที่เรียนด้วยสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน วิชาการงานอาชีพ กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมของสื่อมัลติมีเดีย แบบประเมินทักษะ การปฏิบัติงาน และแบบประเมินความพึงพอใจต่อสื่อมัลติมีเดีย วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย E1/E2 ตามเกณฑ์แบบ 80/80 และค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมิน ผลการวิจัย พบว่า 1) ความเหมาะสมด้านเนื้อหาของสื่อมัลติมีเดีย เรื่องการแกะสลักพื้นฐาน ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 4.90 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า อยู่ในระดับดีมากทุกด้าน 2) ประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียเรื่องการแกะสลักพื้นฐาน มีค่าเท่ากับ 80.50/85.25 เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพ 80/80 3) การประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้ประเมิน ในภาพรวมเท่ากับ 0.99 แสดงว่าความสอดคล้องกันมาก และ 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดียเรื่องการแกะสลักพื้นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด งานวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะให้จัดทำสื่อการสอนสำหรับหน่วยการเรียนรู้การแกะสลักผักและผลไม้อื่น ๆ ในวิชาการงานอาชีพ และศึกษารูปแบบการสอนทักษะการแกะสลักพื้นฐานที่สอดคล้องกับคุณลักษณะของผู้เรียนเพื่อให้เกิด การเรียนรู้ตามเป้าหมายของหลักสูตร
การพัฒนาสื่อการสอนมัลติมีเดีย เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัดมหาวงษ์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของสื่อการสอนมัลติมีเดีย เรื่องพัด จักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียน วัดมหาวงษ์ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อการสอนมัลติมีเดีย เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัดมหาวงษ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดมหาวงษ์ ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สื่อการสอนมัลติมีเดียพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย แบบทดสอบภาคปฏิบัติ แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อสื่อพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัดมหาวงษ์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 จากการวิเคราะห์ผลประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ คะแนนจากการฝึกทักษะระหว่างเรียน (E1) และคะแนนจากการทดสอบทักษะปฏิบัติชิ้นงานหลังเรียน (E2) ของกลุ่มตัวอย่างมีค่าเท่ากับ 81.75/89.87 2) นักเรียนมี ความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ต่อสื่อการเรียนรู้เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ จากการวิเคราะห์ผลความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้เรื่องพัดจักสานไม้ไผ่ลายขิดไทย วิชาการงานอาชีพ โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72