จำนวนงานวิจัย ( 12 )

การศึกษาการอบแห้งส้มจี๊ดด้วยเครื่องอบแห้งแบบฟลูอิดไดซ์เบด
ปัจจุบันส้มจี๊ดเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก เนื่องจากมีข้อมูลผลการวิจัยกล่าวว่าส้มจี๊ดสามารถช่วยต้านหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ แก้โรคภูมิแพ้ทางลำคอ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยในการย่อยอาหาร วิตามินเอ มีวิตามินซีสูง สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ เปลือกและกากส้มอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร โดยมีปริมาณใยอาหารรวมร้อยละ 84.25 แบ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำร้อยละ 48.49 และที่ละลายน้ำร้อยละ 35.76 ในช่วงเวลาที่มะนาวมีราคาแพง สิ่งที่ร้านอาหารนำมาใช้ทดแทนความเปรี้ยวของมะนาวนอกจากมะขามแล้วก็เป็น ส้มจี๊ด ซึ่งมีความเปรี้ยว ความหอม ในการปรุงรสของอาหารไม่แพ้มะนาว การปลูกก็ง่าย การดูแลรักษาก็ง่าย ปัจจุบันการเพาะปลูกส้มจี๊ดที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยองมีพื้นที่ปลูกส้มจี๊ดประมาณ 50 ถึง 100 ไร่ ได้ผลผลิตต่อปีละประมาณ 50 ถึง 70 ตันต่อปี เกษตรกรสามารถขายส้มจี๊ดได้ในกิโลกรัมละ 55 ถึง 70 บาท ผลผลิตส้มจี๊ดมีปริมาณมากเกษตรกรจึงต้องนำส้มจี๊ดมาเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป และการแปรรูปส้มจี๊ดสามารถเก็บไว้บริโภคได้นาน การแปรรูปส้มจี๊ดเป็นผลิตภัณฑ์มี 7 รูปแบบ ได้แก่ น้ำส้มจี๊ดพร้อมดื่ม แยมส้มจี๊ด มาร์มาเลดส้มจี๊ด เยลลี่ส้มจี๊ด ส้มจี๊ดแช่อิ่มอบแห้ง ไอศกรีมเชอร์เบทส้มจี๊ด และเค้กส้มจี๊ด ดังนั้นโครงงานนี้จึงสนใจที่จะศึกษาการน้ำส้มจี๊ดมาอบแห้งโดยใช้เครื่องอบแห้งแบบฟลูอิไดซ์เบด ซึ่งเครื่องอบแห้งแบบฟลูอิดไดซ์เบดที่จะทำการศึกษาจะมีอุปกรณ์ประกอบด้วย ชุดพัดลมโบลเวอร์ เป่าลมผ่านฮีตเตอร์ทำความร้อน เกิดลมร้อนไปยังถังอบ และมีตะแกรงสแตนเลสที่ใส่ส้มจี๊ดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 cm สูง 65 cm ในการทดลองนี้ได้กำหนดน้ำหนักส้มจี๊ดในการอบแห้ง 1,000 g ทดลองส้มจี๊ดที่อุณหภูมิ 55 °C, 60 °C และ 65 °C จะบันทึกข้อมูลการทดลองทุก 15 นาที เพื่อหาความชื้นที่ลดลงต่อช่วงเวลา ผลการทดลองพบว่าการอบแห้งส้มจี๊ดที่อุณหภูมิ 55 °C ใช้เวลาในการอบแห้ง 225 นาที นำความร้อนกลับมาใช้ใหม่ 50 % เป็นอุณหภูมิอบแห้งส้มจี๊ดที่ดีที่สุด

การผลิตโพสไบโอติกส์จากเปลือกกระเทียมจีนหมักด้วยโพรไบโอติกส์แลคโตบาซิลลัส เพื่อใช้ประโยชน์ต้านการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในอาหาร
โพสไบโอติกส์ (Postbiotics) ซึ่งเป็นผลผลิตจากการหมักจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถนำใช้ในการควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของการเน่าเสียในผักและผลไม้ระหว่างการเก็บเกี่ยวและขนส่งได้ งานวิจัยนี้มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์สารชีวภาพเพื่อช่วยลดปัญหาการเน่าเสียของผักและผลไม้ จากการใช้สารละลายคอมบูชาสารสกัดเปลือกกระเทียมเพื่อยืดอายุมะเขือเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ประสบปัญหาเน่าและเสื่อมสภาพในช่วงการเก็บรักษาและขนส่ง จากการศึกษาพบว่า ผลิตภัณฑ์คอมบูชาหมักสารสกัดเปลือกกระเทียมสามารถยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคทั่วไปและยับยั้งเชื้อก่อโรคเน่าในมะเขือเทศชนิด Pseudomonas sp. และ E. coli มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพราะมีความเป็นพิษต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงหมูต่ำ (ความเข้มข้นต่ำกว่า200 มก./มล.) พบว่าไม่เปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระสูงด้วยค่าปริมาณฟลาโวนอยด์ทั้งหมด (TFC) และฟีนอลิกทั้งหมด (TPC) สูงกว่าคอมบูชาธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ (TPC สูงถึง 90.55 ± 10.1 มก. GAE/100 มล. และ TFC 55.97 ± 8.5 มก. RE/100 มล ตามลำดับ).และสามารถยืดอายุการเก็บรักษามะเขือเทศเมื่อฉีดพ่นสารละลายคอมบูชาหมักสารสกัดเปลือกกระเทียมบนผิวมะเขือเทศ ทั้งนี้การฉีดพ่นตัวอย่างสารละลายคอมบูชาหมักสารสกัดเปลือกกระเทียมสามารถช่วยลดการสูญเสียน้ำหนักและชะลอกระบวนการสุกได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถในการคงคุณภาพของมะเขือเทศได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ด้วยการลดความเป็นกรด (TA) และทำให้การเพิ่มปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด (TSS) เมื่อมีการสุกช้า จากผลการศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์คอมบูชาหมักสารสกัดเปลือกกระเทียมสามารถนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ยืดอายุผลไม้ประเภทอื่น ๆ ได้ในอนาคต และเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน