จำนวนงานวิจัย ( 4 )

การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและขนมไทยจากกัญชาเพื่อสร้างอาชีพ
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและขนมไทยจากกัญชาเพื่อสร้างอาชีพมีวัตถุประสงค์ในการศึกษา คือ เพื่อสำรวจความต้องการการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย และขนมไทย จากกัญชา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย และขนมไทยจากกัญชา และเพื่อศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย และขนมไทยที่มีส่วนผสมของกัญชา ผลการสำรวจความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยจากกัญชา ผลการสำรวจ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 50 คน มีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย ได้แก่ อันดับที่ 1 แกงพะแนง มีค่าเฉลี่ย 4.57 อันดับที่ 2 แกงส้ม มีค่าเฉลี่ย 4.30 และขนมไทย ได้แก่ อันดับที่ 3 วุ้น มีค่าเฉลี่ย 4.20 อันดับที่ 4 ทองหยิบ มีค่าเฉลี่ย 4.13 และอันดับที่ 5 ปุ้ยฝ้าย ค่าเฉลี่ย 4.07 ตามลำดับ ผลการศึกษาปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยเมื่อนำไปประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสผู้ทดสอบชิมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ดังนี้ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงพะแนง ให้การยอมรับการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงพะแนง ร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 7.84 7.95 7.90 8.13 8.05 และ 8.08 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงส้ม ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.15 7.96 8.00 8.10 7.83 และ 8.19 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์วุ้น ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.00 8.10 8.20 7.95 8.03 และ 8.23 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์ทองหยิบ ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.38 8.23 8.18 8.48 8.19และ 8.45 ตามลำดับ และปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์ปุยฝ้าย ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.00 8.05 7.95 8.03 7.98 และ 8.10 ตามลำดับ เมื่อนำมาวิเคราะห์ความแปรปรวนและเปรียบเทียบความแตกต่างทางสถิติ พบว่า ในด้าน ลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมี และคุณภาพทางกายภาพการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทย ในการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทย ทั้ง 5 รายการ สามารถเสริมได้ แต่ควรคำนึงถึงองค์ประกอบทางเคมีของส่วนประกอบเริ่มต้น เช่น ปริมาณความชื้น และไขมัน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ อาจมีผลกระทบต่อคุณลักษณะทางกายภาพ เช่น กลิ่น และลักษณะเนื้อสัมผัส ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้มีผลกระทบต่อการยอมรับผลิตภัณฑ์

การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและขนมไทยจากกัญชาเพื่อสร้างอาชีพ
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและขนมไทยจากกัญชาเพื่อสร้างอาชีพมีวัตถุประสงค์ในการศึกษา คือ เพื่อสำรวจความต้องการการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย และขนมไทย จากกัญชา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย และขนมไทยจากกัญชา และเพื่อศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย และขนมไทยที่มีส่วนผสมของกัญชา ผลการสำรวจความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยจากกัญชา ผลการสำรวจ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 50 คน มีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทย ได้แก่ อันดับที่ 1 แกงพะแนง มีค่าเฉลี่ย 4.57 อันดับที่ 2 แกงส้ม มีค่าเฉลี่ย 4.30 และขนมไทย ได้แก่ อันดับที่ 3 วุ้น มีค่าเฉลี่ย 4.20 อันดับที่ 4 ทองหยิบ มีค่าเฉลี่ย 4.13 และอันดับที่ 5 ปุ้ยฝ้าย ค่าเฉลี่ย 4.07 ตามลำดับ ผลการศึกษาปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยเมื่อนำไปประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสผู้ทดสอบชิมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ดังนี้ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงพะแนง ให้การยอมรับการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงพะแนง ร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 7.84 7.95 7.90 8.13 8.05 และ 8.08 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์น้ำแกงส้ม ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.15 7.96 8.00 8.10 7.83 และ 8.19 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์วุ้น ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.00 8.10 8.20 7.95 8.03 และ 8.23 ตามลำดับ ปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์ทองหยิบ ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.38 8.23 8.18 8.48 8.19และ 8.45 ตามลำดับ และปริมาณการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์ปุยฝ้าย ให้การยอมรับร้อยละ 40 ในด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 8.00 8.05 7.95 8.03 7.98 และ 8.10 ตามลำดับ เมื่อนำมาวิเคราะห์ความแปรปรวนและเปรียบเทียบความแตกต่างทางสถิติ พบว่า ในด้าน ลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมี และคุณภาพทางกายภาพการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทย ในการเสริมน้ำกัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทย ทั้ง 5 รายการ สามารถเสริมได้ แต่ควรคำนึงถึงองค์ประกอบทางเคมีของส่วนประกอบเริ่มต้น เช่น ปริมาณความชื้น และไขมัน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ อาจมีผลกระทบต่อคุณลักษณะทางกายภาพ เช่น กลิ่น และลักษณะเนื้อสัมผัส ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้มีผลกระทบต่อการยอมรับผลิตภัณฑ์

การยกระดับวิสาหกิจชุมชนและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมือง ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการด้านรูปแบบสินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี 2) ศึกษากระบวนการพัฒนาสินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองให้มีเอกลักษณ์และมีรูปแบบสร้างสรรค์ ผลการวิจัย พบว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ผู้วิจัยได้ทำการออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมือง จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ กระเป๋า จำนวน 3 รูปแบบ ชุดภาพศิลปะ จำนวน 3 รูปแบบ และตุ๊กตา จำนวน 3 รูปแบบ จากนั้นทำการสำรวจความพึงพอใจ จากผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 100 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 65 ช่วงอายุ 30 – 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 29 อาชีพธุรกิจส่วนตัว คิดเป็นร้อยละ 25 และมีรายได้ 20,001 – 30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพัน จันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ กระเป๋า จำนวน 3 รูปแบบ ชุดภาพศิลปะ จำนวน 3 รูปแบบ และตุ๊กตา จำนวน 3 รูปแบบ พบว่า มีความพึงพอใจด้านการออกแบบ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านประโยชน์ใช้สอย อยู่ในระดับมากที่สุด ดังนี้ ออกแบบกระเป๋า รูปแบบที่ 1 มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.70 ออกแบบชุดภาพศิลปะ รูปแบบที่ 3 มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.66 และออกแบบตุ๊กตา รูปแบบที่ 2 มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.65 นำผลการสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 3 รูปแบบ ที่ได้คะแนนมากที่สุด นำมาสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระเป๋า ชุดภาพศิลปะ และตุ๊กตา จากนั้นทำการสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อต้นแบบผลิตภัณฑ์ จากผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 100 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 63 ช่วง อายุ 30 – 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 32 อาชีพรับราชการ คิดเป็นร้อยละ 23 และมีรายได้ 20,001 – 30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ความพึงพอใจที่มีต่อต้นออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมืองสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระเป๋า ชุดภาพศิลปะ และตุ๊กตา พบว่า มีความพึงพอใจ ด้านการออกแบบ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านประโยชน์ใช้สอย อยู่ในระดับมากที่สุด ดังนี้ ต้นแบบ กระเป๋า มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.75 ต้นแบบชุดภาพศิลปะ มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.73 และต้นแบบ ตุ๊กตา มีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน 4.76 ทั้งนี้ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ต้นแบบสินค้าที่ระลึกจากผ้าทอพื้นเมือง สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผา้ ทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ที่ได้จากการ วิจัยครั้งนี้ ให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง ตำบลพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มฯ ได้เป็นอย่างดี มีความสวยงาม ทันสมัย และทันเหตุการณ์ ในปัจจุบัน สามารถทำการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้ สามารถนำไปสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับผ้าทอพื้นเมือง ได้สินค้าที่ระลึกประจำกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีสินค้าที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์มี จุดขาย อีกทั้งสามารถกระตุ้นการพัฒนาสินค้าในระดับชุมชนท้องถิ่นให้สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตราย อื่นได้ ด้วยหลักของการพัฒนาและช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง

ความภาคภูมิใจของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความภาคภูมิใจของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือนักศึกษาระดับปริญญาตรีของคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1,145 คน ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความภาคภูมิใจของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและสรุปผล ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 723 คน คิดเป้นร้อยละ 63.15 และเป็นเพศชาย จำนวน 422 คน คิดเป้นร้อยละ 63.15 ตามลำดับ ระดับการศึกษาส่วนใหญ่เป็นระดับปริญญาตรีปีที่ 1 จำนวน 373 คิดเป็นร้อยละ 32.58 รองลงมาระดับปริญญาตรีปีที่ 2 จำนวน 270 คน คิดเป็นร้อยละ 23.58 ระดับปริญญาตรีปีที่ 4 จำนวน 253 คิดเป็นร้อลละ 22.09 และระดับปริญญาตรีปรที่ 3 จำนวน 249 คน คิดเป็นร้อยละ 21.75 ตามลำดับ สาขาวิชาส่วนใหญ่สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ จำนวน 634 คน คิดเป็นร้อยละ 55.37 รองลงมาสาขาวิชาอุตสาหกรรมการบริการอาหาร จำนวน 269 คน คิดเป็นร้อยละ 23.49 สาขาวิชาคกรรมศาสตร์ประยุกต์ จำนวน 167 คน คิดเป็นร้อยละ 14.58 สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและการจัดดารสินค้า จำนวน 38 คน คิดเป้นร้อยละ 3.33 และสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 3.23 ตามลำดับ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศษสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มีความภาคภูมิใจในตัวเองโดยรวมอยู่ในระดับมาก ที่ค่าเฉลี่ย 3.57 เพื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ก่อนทำอะไรลงไปฉันจะคิดก่อนเสมอว่ามีผลดีต่อตนเองหรือไม่ อยู่ในระดับมาก ที่ค่าเฉลี่ย 4.00 ฉันจะคิดก่อนทำเสมอ อยู่ในระดับมาก ที่ค่าเฉลี่ย 4.00 ฉันสามารถบอกได้ว่าตนเองเก่งด้านไหน อยู่ในระดับมาก ที่มีค่าลี่ย 4.00 ตามลำดับ