จำนวนงานวิจัย ( 91 )

วิเคราะห์ภาพสะท้อนและแนวคิดทางสังคมที่ปรากฏในร้อยกรอง ข้างคลองคันนายาว ช่วงปี พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2565
วิเคราะห์ภาพสะท้อนและแนวคิดทางสังคมที่ปรากฏในร้อยกรอง ข้างคลองคันนายาว ช่วงปี พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2565

การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1.เพื่อศึกษาภาพสะท้อนและแนวคิดทางสังคม ที่ปรากฏในร้อยกรอง “ข้างคลองคันนายาว” ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ช่วง พ.ศ. 2564 – กันยายน พ.ศ. 2565 2.เพื่อเผยแพร่ภาพสะท้อนและแนวคิดทางสังคม ในร้อยกรอง“ข้างคลองคันนายาว” ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เพื่อความเข้าใจของประชาชนโดยทั่วไป กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย บทร้อยกรอง ข้างคลองคันนายาว ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันอาทิตย์ ตลอดปี พ.ศ. 2564 – กันยายน 2565 โดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ผลการวิจัยดังนี้ 1.ภาพสะท้อนและแนวคิดเกี่ยวกับสังคมได้สะท้อนภาพสังคมที่กระทบต่อบุคคลดดยทั่วไป และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดมาในช่วงเวลานั่น ๆ พร้อมทั้งมีการสอดแทรกคติธรรมทางพุทธศาสนาเข้าไป เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงของวิถีชีวิต ของคนในสังคมตลอดเวลา โดยในการสะท้อนภาพสังคมของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในทุกสัปดาห์ จึงทำให้เสมือนเราได้อ่านบทสรุปเรื่องราวทางสังคมในสัปดาห์นั่น ๆ ผ่านมุมมองของกวี 2.ภาพสะท้อนและแนวคิดเกี่ยวกับเศษฐกิจในด้านเศรษฐกิจ มีเพียงการแนะนำการทำงานที่แฝงด้วยคติธรรมในการทำงาน ที่ทำเพื่อตนเอง หรือทำเพื่อส่วนรวม 3. ภาพสะท้อนและแนวคิดด้านสังคมที่มีผลมาจากสภาพการเมืองในช่วงเวลา 2 ปี อาจารย์เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์ ไม่ได้สะท้อนภาพทางการเมือง อะไรออกมามากมายนัก อาจจะเนื่องจาก ตัวท่านเอง ดำรงตำแหน่งเป็นวุฒิสภาจึงอาจจะไม่เหมาะสมในการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองจนมากเกินไปจึงทำให้มี บทร้อยกรองที่สะท้อนภาพการเมืองออกมาเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญๆ เท่านั้น

2566
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคาดหวังของรูปแบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร 2) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร 3) เป็นแนวทางในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม เก็บข้อมูลกับบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มีจำนวน 288 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการศึกษา พบว่า 1. ความคาดหวังของรูปแบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร อยู่ในระดับมาก โดย เจเนอเรชั่นแซด และเจเนอเรชั่นวาย มีความคาดหวังในด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้มีการนำผลการประเมินมาเป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนาบุคลากร สำหรับเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ มีความคาดหวังในด้านการสรรหาและคัดเลือก มีกระบวนการสรรหาและคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ในด้านการฝึกอบรมและพัฒนา คาดหวังให้มีการพัฒนาทักษะ ความรู้ และความสามารถของบุคลากรในการเตรียมความพร้อมสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น 2. ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร อยู่ในระดับปานกลาง โดย เจเนอเรชั่นแซด พบปัญหาและอุปสรรคในด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ การจัดสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยที่ไม่เหมาะสมกับบุคลากร เจเนอเรชั่นวาย และเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ พบปัญหาและอุปสรรคในด้านการสรรหาและคัดเลือก ขาดการประชาสัมพันธ์ ข่าวสาร การรับสมัครงานอย่างกว้างขวาง 3. แนวทางการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภายใต้ความหลากหลายของช่วงวัยบุคลากร 1) ควรมีการพัฒนาทักษะในการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อบุคลากรเข้าสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น 2) การจัดสวัสดิการต่าง ๆ และสร้างหลักประกันในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกคนให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน 3) ควรมีความเสมอภาค เท่าเทียม ยุติธรรม เที่ยงตรง โปร่งใสในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ และ 4) ส่งเสริม สนับสนุนบุคลากรเลือกทำงานได้ตามความชอบ และความถนัด

2566
ผลของอัตราส่วนน้ำตาล และกะทิต่อคุณภาพทางกายภาพ และประสาทสัมผัสของข้าวเหนียวมูนเพื่อสุขภาพ
ผลของอัตราส่วนน้ำตาล และกะทิต่อคุณภาพทางกายภาพ และประสาทสัมผัสของข้าวเหนียวมูนเพื่อสุขภาพ

จากศึกษาปริมาณกะทิ : น้ำตาลทราย (กรัม) พบว่าข้าวเหนียวมูนที่อัตราส่วนน้ำตาลทราย ต่อสารให้ความหวาน ที่ 50 : 50 มาทาการวัดค่าคุณภาพทางกายภาพ และประสาทสัมผัสของข้าวเหนียวมูน เมื่อนำไปทำข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียวมีลักษณะร่วนไม่เกาะติดกัน ทำใช้สารให้ความหวานเพื่อทดแทนน้ำตาลที่ระดับ 50 ปอร์เซ็นต์ ทำให้ปริมาณของแข็งที่ละลายในน้า 68 0Brix มี ค่าความสว่าง (L*) เท่ากับ 39.40 ± 0.30 ค่าสีแดง (a*) เท่ากับ 7.39 ± 0.95 ค่าสีเหลือง (b*) เท่ากับ 4.98 ± 0.59 และค่า pH เท่ากับ 3.92 ± 0.78 ผลจากการใช้สารให้ความหวานเพิ่มขึ้นมีผลทาให้ค่าความสว่างลดลง และส่งผลให้ค่าเนื้อสัมผัสของข้าวเหนียวมูนแน่นเนื้อเพิ่มมากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนำข้าวเหนียวมูน มาศึกษากะทิ : น้ำตาลทราย (กรัม) พบว่า ทำให้ปริมาณของแข็งที่ละลายในน้ำ 62 0Brix มี ค่าความสว่าง (L*) เท่ากับ 49.30 ± 0.30 ค่าสีแดง (a*) เท่ากับ 6.74 ± 0.95 ค่าสีเหลือง (b*) เท่ากับ 5.98 ± 0.59 ผลจากการใช้กะทิลดลงมีผลทำให้ค่าความสว่างเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ค่าเนื้อสัมผัสของข้าวเหนียวมูนแน่นเนื้อเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคมีความชอบโดยรวมอยู่ในระดับชอบปานกลาง คิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ ข้าวเหนียวมูนที่ได้มีคะแนนความชอบเฉลี่ยทุกด้านสูงสุดอยู่ในระดับชอบมาก ผู้บริโภคให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ร้อยละ 86 และจะซื้อผลิตภัณฑ์ร้อยละ 86 โดยให้ราคา 120 บาท

2566
การจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
การจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษา การจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ประจำปี งบประมาณ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์ม ดิจิทัล และเพื่อสร้างแนวทางการจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถสรุปผลได้ดังนี้ 1. ผลการศึกษาแนวทางการจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล พบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การตัดสินใจซื้อสินค้าโดยไม่จาเป็นต้องไปแหล่งขายหรือห้างสรรพสินค้าและยอมรับผลความเสี่ยงของการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความนิยมสูงขึ้น เนื่องมาจากการจัดการสินค้าแฟชั่นที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤติการณ์โลกกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่ผู้บริโภคเผชิญตลอดระยะเวลา 5 ปี (2563 – 2567) ผู้บริโภคเชื่อมั่นกับร้านค้า ผู้ประกอบการ และยอมรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ จึงทาให้การจัดการสินค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ มีคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความสะดวกสบายในการซื้อขายที่ผู้บริโภคและผู้จัดจำหน่าย 2. ผลการสร้างแนวทางการจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและทดสอบจำหน่ายสินค้าแฟชั่น บนแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถทาได้หลายรูปแบบ คือ จานวน 1 แพลตฟอร์มดิจิทัล คือ Instagram (IG) : WATTLEFASHION แพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่น ต้นแบบ จานวน 1 แพลตฟอร์มดิจิทัล คือ www.REDBIBBLE.com และ Website ของสาขาวิชา 1 ช่องทาง และรูปแบบ onsite 3. ผลการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อการจัดการสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีประเด็นคาถามที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีประสบการณ์ด้านซื้อสินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล รู้จักแพลตฟอร์มดิจิทัล Shoppe Lazada Facebook และ Instagram IG ผู้บริโภคส่วนใหญ่ความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด คือ การเข้าถึง แพลตฟอร์มดิจิทัลง่ายต่อการใช้งาน สินค้ามีการออกแบบน่าสนใจ และสินค้าแฟชั่นมีความ หลากหลาย สินค้าแฟชั่นมีความน่าสนใจ สวยงาม ทันสมัย ร้านค้าต่างๆมีรูปแบบการนาเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจให้ท่านเลือกซื้อสินค้า และระบุราคาไว้ชัดเจน

2566
การวิเคราะห์อุปสงค์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารริมบาทวิถี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กรณีศึกษา : ย่านถนนเยาวราช
การวิเคราะห์อุปสงค์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารริมบาทวิถี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กรณีศึกษา : ย่านถนนเยาวราช

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอุปสงค์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารริมบาทวิถี ย่านถนนเยาวราช และเพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอาหารริมบาทวิถี ย่านถนนเยาวราช โดยใช้กระบวนการศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการศึกษาเชิงปริมาณโดยการแจกแบบสอบถาม จำนวน 400 คน และสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) แบบมีโครงสร้าง (structure interview) ด้วยวิธี 3 เส้า จำนวน 10 คน ผู้ศึกษากำหนดขอบเขตของพื้นที่เพื่อใช้ในการศึกษาและการเก็บข้อมูล ได้แก่ ย่านถนนเยาวราช วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-Test และ F-Test โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) ผลการศึกษา พบว่า อุปสงค์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารริมบาทวิถี ย่านถนนเยาวราช คือ ราคา โดยส่งผลต่อ เพศ อายุ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 พบว่า เพศหญิงมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นทางการตลาดเร็วกว่าเพศชาย ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี มีกระบวนการตัดสินใจซื้อที่เร็วกว่าช่วงอายุอื่น และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท มีการวางแผนการใช้จ่ายมากที่สุด ทั้งนี้มีแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอาหารริมบาทวิถี ย่านถนนเยาวราช 4 ด้าน ดังนี้ 1) ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ คุณภาพอาหาร 2) ราคา ได้แก่ การควบคุมราคาให้คงที่ 3) สถานที่จัดจำหน่าย ได้แก่ การจัดระเบียบร้านอาหาร และ 4) การส่งเสริมการตลาด ได้แก่ มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งสามารถนำไปส่งเสริมและพัฒนาอาหารริมบาทวิถี ย่านถนนเยาวราช ในลำดับต่อไป

2566