จำนวนงานวิจัย ( 66 )

การจัดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตในประเทศไทยเพื่อรองรับการเปิดในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
การจัดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตในประเทศไทยเพื่อรองรับการเปิดในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาการจัดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตในประเทศไทยเพื่อรองรับการเปิดในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างและรูปแบบของหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตในประเทศไทยสำหรับไปปรับใช้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 2)เพื่อศึกษาวิเคราะห์บริบทและกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต 3) เพื่อเสนอแนะแนวทางการจัดทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลและให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาและมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผสมผสานระหว่างการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยเลือกกำหนดจากประชากรผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key Informants) จำนวน 4 กลุ่มๆ ละ 5 คน จำนวน 20 คน สุดท้ายเป็นการสนทนากลุ่ม (Focus Group) จำนวน 8 คน ผลการวิจัยพบว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลต้องมีการจัดทำร่างหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตที่มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่ามาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาวิชานิติศาสตร์ พ.ศ. 2561 ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาวิชานิติศาสตร์ พ.ศ. 2561 โดยจัดทำหลักสูตรให้มีเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ให้ชัดเจน เน้นกลไกตามยุทธศาสตร์การจัดการเรียนการสอน ซึ่งมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2565 สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำหลักสูตรนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลได้ ส่งเสริมให้บัณฑิตศึกษาต่อในหลักสูตรเนติบัณฑิต และมีการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบคลังหน่วยกิต (NCBS) สำหรับการร่างหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสามารถนำภูมิหลังหรือพื้นฐาน คือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาประยุกต์หรือบูรณาการกับการสร้างรายวิชาทางด้านนิติศาสตร์ โดยมุ่งเน้นกฎหมายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ กฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจ กฎหมายเกี่ยวกับวิศวกรรม เทคโนโลยี กฎหมายเกี่ยวกับนวัตกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ควรจัดให้มีวิชาทักษะในการปฏิบัติงานด้านกฎหมาย หรือพัฒนาเป็นหลักสูตรพหุวิทยาการแบบผสมผสาน ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในทางปฏิบัติ

2565
การสร้างสื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าทอจากตัวอย่างผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์สู่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์
การสร้างสื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าทอจากตัวอย่างผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์สู่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าทอจากตัวอย่างผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ระหว่างก่อนและหลังการใช้สื่อออนไลน์ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้สื่อออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักศึกษาสาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์สิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จำนวน 20 คน ซึ่งได้มาจากวิธีแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ สื่อออนไลน์และแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือสถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วยค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงปริมาณประกอบด้วย Independent Sample t-test ผลการวิจัยพบว่า สื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าประกอบด้วยกราฟผ้าทอ 18 ลาย ได้แก่ ผ้าโฮลโกนกระอ็อบ ผ้าลายฉัตรทอง ผ้าลายกระแสร์มูย ผ้าลายกระแสร์ปีร์ ผ้าลายตร็อบจังกอม (มะเขือพวง) ผ้าโสร่ง ผ้าลายดอกพิกุล ผ้าลายติงลาดออบปวง 1 (ผีเสื้อกอดไข่ 1) ผ้าลายติงลาดออบปวง 2 (ผีเสื้อกอดไข่ 2) ผ้าลายสับปะรด ผ้าลายหัวเข็มขัด ผ้าลายนางสนม ผ้าลายผกามะออม ผ้ากลาสนัน (ร่างแห) ผ้าลายตะขอใหญ่ ผ้าลายพนมบ๊ะ ผ้าโฮลปันเตือด และผ้าลายพนมเป็ง การทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้มีระดับความรู้สูงขึ้นกว่าการทดสอบก่อนใช้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 21 – 25 ปี พฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าทอ 1 ชั่วโมง ต่อวัน ในช่วงเวลา 15.01 – 18.00 น. สถานที่ใช้สื่อออนไลน์มากที่สุดได้แก่ ในพื้นที่สถานศึกษา และใช้สื่อออนไลน์ผ่านโน๊ตบุ๊ค ความพึงพอใจของนักศึกษาสาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่มีต่อสื่อออนไลน์วิธีถอดลายผ้าทอจากตัวอย่างผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก

2565
การพัฒนาเกมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในรูปแบบ 3D เรื่อง “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME”
การพัฒนาเกมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในรูปแบบ 3D เรื่อง “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME”

งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาเกมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในรูปแบบ 3D เรื่อง “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และพัฒนารูปแบบการแนะแนวการศึกษาของคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ในการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาตรี เพื่อพัฒนารูปแบบเกมให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีต่อเกมตามแนวความคิดของ “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” การดำเนินงานวิจัยในครั้งนี้การวิจัยแบ่งวิธีการดำเนินงานได้ 3 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 ทำการศึกษาข้อมูลทั่วไปที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 2 พัฒนาและออกแบบรูปแบบเกม 3D เรื่อง ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME และ ช่วงที่ 3 ทำการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างพร้อมประเมินความพึงพอใจ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย จากการคัดเลือกแบบเจาะจงจำนวน 50 คน และทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ 5 ด้านคือ ด้านผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป ด้านผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการรับรู้ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ด้านผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านความพึงพอใจที่มีต่อเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” ด้านผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการพัฒนาเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” และด้านผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านประสิทธิผลของการแนะแนวการศึกษาผ่านเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” ผลจากการศึกษาทั้ง 5 ด้านพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเหตุผลที่เลือกเล่นเกมเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 92.00 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่รู้จักคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น จำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 86.00 กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.06 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.59 กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจที่มีต่อเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.16 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.63 สิ่งที่ควรพัฒนาในเกม“ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” เพื่อให้เกิดการรับรู้ในคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นมากขึ้นคืออุปกรณ์ประกอบฉาก จำนวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 76.00 การพัฒนานเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” ให้เป็นรูปแบบออนไลน์ในอนาคต กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วย จำนวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแนะแนวการศึกษาผ่านเกม “ITFD RMUTP HAPPY TOUR GAME” จำนวน 47 คน คิดเป็นร้อยละ 94.00 กลุ่มตัวอย่างมีความสนใจที่จะมาสมัครเข้าศึกษาต่อ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.72 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.64

2565
การจัดการความรู้ในการดูแลรักษาสุขภาพตามวิถีไทยด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกรณีศึกษากลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยกระเจา-บ่อยา อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
การจัดการความรู้ในการดูแลรักษาสุขภาพตามวิถีไทยด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกรณีศึกษากลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยกระเจา-บ่อยา อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาและสังเคราะห์ภูมิปัญญาไทยในการดูแลรักษาสุขภาพตามวิถีไทยในด้านต่าง ๆ 2) เพื่อศึกษากระบวนการ การจัดการความรู้ (Knowledge anagement) ภูมิปัญญาไทยของหมอพื้นบ้าน ในการดูแลรักษาสุขภาพ 3) เพื่อถ่ายทอดการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลรักษาสุขภาพด้วยฟ้าทะลายโจรตามวิถีชาวบ้านไปยังกลุ่มเป้าหมาย 4) เพื่อศึกษารูปแบบผลิตภัณฑ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชนในท้องถิ่น ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mixed method research) โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ และการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือ ประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านห้วยกระเจา-บ่อยา อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่าง จานวน 90 คน ได้มาโดยการกำหนดจากการสุ่มแบบง่าย นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยสถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยด้านการจัดการความรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅= 4.73, S.D. = 0.281) ความยืดหยุ่นของกระบวนการศึกษาวิจัยในการปรับเปลี่ยนไปตามความสนใจของชุมชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การประยุกต์ใช้สมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิผล ประชาชนในพื้นที่สามารถนาองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการดูแลรักษาสุขภาพที่เหมาะกับสถานการณ์ของชุมชน เมื่อแยกเป็นรายด้านพบว่าการจัดการความรู้ด้านความเชื่อในครอบครัวมากที่สุด (x ̅= 4.80, S.D. = 0.402) ส่วนกระบวนการจัดการความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅=4.92, S.D. = 0.246) พบว่า ประชาชนในพื้นที่สามารถนาองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการดูแลรักษาสุขภาพที่เหมาะกับสถานการณ์ชุมชนมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์มากที่สุด (x ̅= 4.94, S.D. = 0.230) การวิเคราะห์เชิงคุณภาพส่วนด้านการถ่ายทอดการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลรักษาสุขภาพด้วยฟ้าทะลายโจร โดยภาพรวมพบว่านำสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมาแปรสภาพเป็น เม็ด ลูกกลอน แคปซูล ฯลฯ เพื่อใช้สะดวกมากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้น ต้องได้รับการแนะนำการใช้จากแพทย์แผนปัจจุบันด้วย เพราะไม่มีหนังสือรับรองหมอพื้นบ้าน

2565
การแปรรูปผลิตภัณฑ์ผักตบชวาสู่เชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ที่มั่นคงอย่างยั่งยืนโดยความร่วมมือของประชาชนในชุมชนสร้างผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
การแปรรูปผลิตภัณฑ์ผักตบชวาสู่เชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ที่มั่นคงอย่างยั่งยืนโดยความร่วมมือของประชาชนในชุมชนสร้างผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากใบหญ้าแฝก และผักตบชวา มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลิตภัณฑ์รูปแบบเดิมของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากใบหญ้าแฝก และใบ ผักตบชวา ตำบล บางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง 2) เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก และ ผักตบชวา ให้มีความสวยงามเหมาะสมกับความต้องการของตลาดโดยความร่วมมือของประชาชนในกลุ่มผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกตำบล ผักตบชวา ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ที่จะเป็นต้นแบบในการสร้างและแปรรูปผลิตภัณฑ์เส้นใยแฝก เส้นใยผักตบชวา เพื่อสร้างชุมชนให้มีความ เข้มแข็งต่อไป กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนใน ตำบลบางแก้ว และตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง จำนวน 153 คน สุ่มอย่างง่ายตามตารางยามาเน่ สอบถามให้ได้มาซึ่งความต้องการของผู้บริโภค และตรงตามความต้องการของ ผู้ประกอบการและ ท้องตลาด แล้วประเมินรูปแบบผลิตภัณฑ์ ให้ได้มาตรฐาน โดยปราชญ์ชาวบ้านที่ร่วมแปรรูปผลิตภัณฑ์ ให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน จ จำนวน 3 ท่านผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จ จำนวน 3 ท่าน เพื่อประเมินความเหมาะสมของรูปแบบในการประยุกต์ เป็นผลิตภัณฑ์ จากนั้นสร้างต้นแบบแล้ว ประเมินผลวัดระดับความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์หัตถกรรม จากเส้นใย ใบหญ้าแฝก และเส้นใยจาก ใบผักตบชวา พืชที่มีในท้องถิ่นมาผสมผสานเส้นใยแฝก เส้นใยผักตบชวา เส้นใยไหม เส้นใยฝ้าย ผสมผสานให้ เกิดผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสวยงามได้มาตรฐาน สามารถ ออกแบบ ได้ ตรงกับความต้องการของท้องตลาด ผู้บริโภคผู้ประกอบการรับซื้อ การดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณควบคู่กันโดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความพึงพอใจ เป็นเครื่องมือวิจัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพิจารณาความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญและความพึงพอใจจากกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ( SD) แปลผลในรูปความเรียงผลการวิจัยพบว่า 1) ประชาชนในชุมชนและผู้นำชุมชน ตำบลบางแก้ว และตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีความคิดเห็นกับผลิตภัณฑ์ เดิมยังไม่ทันสมัยและมี ความต้องการ ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยแฝก เส้นใยผักตบชวา เส้นใยผสมผสาน เพื่อนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากเส้นใยใบหญ้าแฝก และเส้นใยผักตบชวา มากที่สุดรองมาคือ ชุดกระเป๋าสตรี และ หมวก และอื่น ๆ ตามลำดับ 2) ผลการวิเคราะห์ วิธีการกระบวน การออกแบบและแปรรูป พัฒนาผลิตภัณฑ์ รูปแบบของ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นมีการออกแบบและพัฒนามีความเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยเหมาะสมกับวัสดุและกรรมวิธีการผลิต มีความสวยงามและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ อยู่ในระดับมากและผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นของ ประชาชนในชุมชน ตำบลบางแก้วและตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ต่อผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากใบหญ้าแฝก เส้นใยผักตบชวา และผสมผสานเส้นใยอื่น ๆ ที่ มีความเหมาะสมจนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงามทันสมัย ได้มาตรฐาน เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย ของ สุภาพสตรีหลาก หลายรูปแบบ ด้านประโยชน์ใช้สอยทางกายภาพมีความเหมาะสม ผู้ใช้มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากรองลงมาคือ ความสวยงามของรูปทรงและรายละเอียดสามารถแสดงออกถึงความทันสมัยที่มีความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและประชาชนในชุมชนตำบลบางแก้ว และตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีของท้องถิ่น และประชาชนในชุมชนตำบลบางแก้ว และตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีข้อเสนอแนะ ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัยแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นและต้องการผู้เชี่ยวชาญ วิทยากร ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัยแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นและต้องการผู้เชี่ยวชาญ วิทยากร มาฝึกอบรมและทุนสนับสนุนในการสร้างผลิตภัณฑ์มาฝึกอบรมและทุนสนับสนุนในการสร้างผลิตภัณฑ์จากผ้าทอจากเส้นใยแฝก เส้นใยผักตบชวา และผสมผสานเส้นจากผ้าทอจากเส้นใยแฝก เส้นใยผักตบชวา และผสมผสานเส้นใยไหม ฝ้าย กก ให้สวยงามคงทนเมื่อมีการประยุกต์แปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและผู้รับใยไหม ฝ้าย กก ให้สวยงามคงทนเมื่อมีการประยุกต์แปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและผู้รับซื้อทั้งปลีกและส่ง ซื้อทั้งปลีกและส่งให้ให้มีรายได้ที่มีรายได้ที่ยั่งยืน สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ยั่งยืน สามารถสร้างอาชีพ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนตำบลบางแก้ว และตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง อย่างต่อเนื่องตลอดไป

2565