จำนวนงานวิจัย ( 58 )
การพัฒนาเครื่องต้นแบบปัญญาประดิษฐ์สาหรับคัดแยกขยะรีไซเคิลอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
การพัฒนาเครื่องต้นแบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับคัดแยกขยะรีไซเคิลอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน มีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์สำหรับพัฒนาต้นแบบเครื่องคัดแยกขยะรีไซเคิล เพื่อนำต้นแบบเครื่องคัดแยกขยะรีไซเคิลไปใช้ภายในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะรีไซเคิลให้กับสถานศึกษา โดยการพัฒนาเครื่องต้นแบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับจัดการขยะรีไซเคิลอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน การวิจัยนี้เป็นตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและการจัดการ Zero Waste to Landfill ส่งเสริมการคัดแยกขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้ประโยชน์ รวมถึงรองรับนโยบายของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ต้องการพัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (Green & Clean Faculty) เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการส่งเสริมการจัดทำสำนักงานสีเขียว (Green Office) โดยการออกแบบเครื่องต้นแบบที่มีขนาดความกว้างเท่ากับ 78เซนติเมตร ความยาวเท่ากับ 112 เซนติเมตร และความสูง เท่ากับ 153 เซนติเมตร นำเทคนิคการถ่ายโอนการเรียนรู้จาก โครงข่ายประสาทเทียมแบบ VGG16 มาพัฒนาเพื่อให้ได้โมเดลที่เหมาะสมสำหรับการคัดแยกขยะรีไซเคิล ใช้ Microcontroller ARM Cortex-A72 ในการควบคุมการทำงาน ผลการทดสอบ การทำนายการคัดแยกขยะรีไซเคิลของโมเดลที่พัฒนาขึ้นมีความถูกต้อง ร้อยละ 89.33 และการทดสอบการทำงานของระบบของเครื่องต้นแบบสามารถทางานตามขอบเขตที่กำหนด โดยสามารถคัดแยกประเภทของขยะรีไซเคิลได้ตามวัตถุประสงค์
การเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลนักศึกษาด้วยแดชบอร์ดเชิงโต้ตอบ
งานวิจัยนี้นำเสนอการพัฒนาแดชบอร์ดเชิงโต้ตอบข้อมูลนักศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครื่องมือบริการจัดการข้อมูลนักศึกษาในเชิงลึกของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ภายใต้หลักแนวคิดการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลนักศึกษา 3 ข้อมูลหลักที่สนับสนุนระบบการประเมินคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย (1) ข้อมูลการสมัคร-รับไว้ (2) ข้อมูลนักศึกษาคงอยู่ และ (3) ข้อมูลการสำเร็จการศึกษา โดยนำเสนอในรูปแบบแดชบอร์ดเชิงโต้ตอบออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย เครื่องมือมือจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบตาราง Google Sheet เครื่องมือนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ Looker Studio ภาษาเขียนโปรแกรมภาษาไพธอนร่วมกับไลบรารี tabula-py เพื่อสกัดข้อมูลจากไฟล์ PDF และเครื่องมือแบบสอบถามออนไลน์ Google From เพื่อเก็บรวบรวมข้อความความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ผลการวิจัยพบว่า แดชบอร์ดข้อมูลนักศึกษานำเสนอข้อมูลได้ตามขอบเขตของงานวิจัย สามารถสนับสนุนการเลือกดูข้อมูลจากผู้ใช้งานแบบอินเตอร์แอคทีฟได้ ในการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานจำนวน 60 ราย ประกอบด้วย ผู้บริหาร อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร อาจารย์ประจำ และเจ้าหน้าที่ พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากสุดที่ค่าเฉลี่ย 4.56 นับว่าแดชบอร์ดข้อมูลนักศึกษาเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถอดรหัสโฆษณาคริปโตเคอเรนซีและอัตลักษณ์ความเป็นชายนักเทรดคริปโตเคอเรนซีในสังคมไทย
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์การประกอบสร้างความหมายโฆษณา คริปโต 2) วิเคราะห์การถอดรหัสการตีความโฆษณาคริปโต และ 3) วิเคราะห์การประกอบสร้างอัตลักษณ์ความเป็นชายนักลงทุนคริปโต เครื่องมือและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ตัวบทโฆษณา คริปโต จำนวน 71 ชิ้นงาน และ 2) การสัมภาษณ์เชิงลึกกับนักเทรดคริปโตชาย จำนวน 21 คนเพื่อวิเคราะห์การตีความโฆษณาคริปโต และ เพื่อวิเคราะห์การประกอบสร้างอัตลักษณ์ความเป็นชายนักลงทุนคริปโต ผลการศึกษาพบว่า ชุดความหมายของโฆษณาคริปโตเคอเรนซีในสังคมไทยประกอบด้วย 7 ชุดความหมาย คือ (1) การเกร็งกำไร ให้กำไรสูง ไว ง่าย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา (2) ความรู้เท่าทันคริปโตก่อนการลงทุน (3) คริปโตเคอเรนซี (บิตคอย) การเงินไร้ศูนย์กลางสร้างการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการทำธุรกรรม (4) ความมุ่งมั่น อดทน ลงมือทำ คือหนทางแห่งความสำเร็จ (5) คริปโตปฏิวัติโลกแห่งการเงินโอกาสสำหรับทุกความหลากหลายในสังคม (6) การสร้างเงินจากงานศิลป์ด้วยการแปลงเป็น NFT (7) คริปโตการวางโครงสร้างการเงินแห่งโลกอนาคต ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์การถอดรหัสการตีความความเข้าใจโฆษณาคริปโตเคอเรนซีของนักเทรดชาย ผลการสัมภาษณ์พบว่า ผู้รับสารมีการดีความ ตรง ต่อ และต่อต้าน อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดนั้นส่วนมากนักเทรดชายมีแนวโน้มถอดรหัสการตีความความ แบบตรง ตามใจความความสำคัญนั้นๆ มากที่สุดโดยประมาณ 37 % รองลงมาคือ การถอดรหัสแบบต่อต้านประมาณ 35 % และการตีความหมายแบบเชิงต่อรอง โดยประมาณ 27 % นอกจากนี้ ในส่วนของผลการวิเคราะห์การประกอบสร้างอัตลักษณ์ความเป็นชายนักเทรดคริปโตจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับนักเทรดชายจำนวน 21 คน ผลการศึกษาพบว่า อัตลักษณ์ความเป็นชายนักเทรดคริปโตฯ มีความเกี่ยวข้องเชิงอำนาจในการเป็นแรงเสริมประกอบสร้างอัตลักษณ์และการบริหารอำนาจสู่ความเป็นชาย โดยฉพาะบทบาทการเป็นผู้หารายได้จุนเจือครอบครัว (Breadwinner) เพื่อใช้จ่ายสำหรับครอบครัว และการได้มาซึ่งอำนาจในการมีอิสระภาทางการเงิน (Financial freedom) บทบาทเหล่านี้ช่วยเสริมแรงให้ชายนักเทรดคริปโตได้รับอำนาจอันชอบธรรมในครอบครัว สู่ภาวะความเป็นผู้นำที่มีอำนาจในการตัดสินใจ สะท้อนสังคมชายเป็นใหญ่ (Homosociality) พฤติกรรมหรืออัตลักษณ์ที่โดดเด่นในนักเทรดคริปโตชาย ประกอบด้วย ความกล้าเสี่ยง (Risk Taker) มีความอดทน (Patience) ในการรอ ความมั่นใจในตัวเองสูง (Confidence) คิดไวทำไว กล้าตัดสินใจ มีความรู้ทางเทคโนโลยี ปรับตัวได้ไว (Resilience) มีความรู้ทางด้านการเงินโดยเฉพาะระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (Decentralization Finance) เป็นคนทำงานทำงานหนักอย่างชาญฉลาด (Work Hard Work Smart) เป็นคนมีวินัยทางการเงิน มีระบบการเงินการเทรดอย่างเป็นระบบ จุดเด่นของอัตลักษณ์ความเป็นชายนักเทรด/นักลงทุนคริปโตเคอเรนซี คือ Geek หรือ Nerd (เด็กเนิร์ดติดคอมติดเกมส์บ้าเทคโนโลยี) ชอบเก็บตัว (Introvert)
การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจเขียว: กรณีการแก้ปัญหาการจราจรคับคั่งโดยใช้การวิเคราะห์เชิงทฤษฎีกราฟ
การแก้ปัญหาการจราจรคับคั่งโดยใช้การวิเคราะห์เชิงทฤษฎีกราฟ การวิเคราะห์ผลใช้การศึกษาเส้นทางการจราจรบริเวณสะพานพระรามเจ็ดโดยพิจารณาจากการแสดงความคล่องตัวของการจราจรด้วยสีบน google map ในช่วงเวลา (07.00-8.00 น.) และใช้แนวคิดพื้นฐานของจุดและเส้นเพื่อสร้างกราฟเส้นทางการจราจรบริเวณสะพานพระรามเจ็ด ผลการวิจัยพบว่า ในช่วงเวลา 7.00-8.00 น. ถนนหน้าพระจอมเกล้าพระนครเหนือและถนนก่อนถึงแยกไฟสัญญาณจราจรลอดใต้สะพานพระรามเจ็ดการจราจรคล่องตัวช้ามาก นอกจากนี้แยกหน้าพระจอมเกล้าพระนครเหนือคล่องตัวช้าก่อนถึงแยกสัญญาณไฟจราจร การใช้เส้นทางการจราจรในถนนช่วงเวลาก่อน 7.00 น. ทำให้การขับขี่ยานพาหนะคล่องตัวได้ดี และช่วงเวลาที่มากขึ้น ความคล่องตัวของการใช้รถบนเส้นทางการจราจรบริเวณสะพานพระรามเจ็ดคล่องตัวล่าช้ามากขึ้นจนถึงเวลา 8.00 น.
นวัตกรรมสารสกัดน้ำหมักกระเทียมเคลือบกระดาษเช็ดมือเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคปนเปื้อนบนผิวหนัง
งานวิจัยนี้ต้องการพัฒนาชุดคิทสารสกัดน้ำหมักกระเทียมเพื่อการสเปร์ยเคลือบกระดาษเช็ดมือ ด้วยหลักการใช้จุลินทรีย์กลุ่มโพรไบโอติกส์เพื่อสุขภาพ ที่คัดแยกจากโยเกิร์ตและคอมบูชาหมัก ด้วยน้ำหมักกระเทียมที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อโรคเมื่อสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 80 แล้วกำจัดเอทานอลออกจนได้สารสกัดน้ำหมักกระเทียมและสารอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในน้ำหมักกระเทียม มีประสิทธิภาพในการทำงานทั้งก่อนและหลังจากเคลือบบนกระดาษเช็ดมือ ในการยับยั้งจุลินทรีย์กลุ่มที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อทางผิวหนัง ก่อให้เกิดท้องเสีย และกำจัดเชื้อที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความไม่สะอาด และก่อให้เกิดอาการไข้ในรูปของเชื้อที่ผสมกัน คือ เชื้อ Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Streptococcus faecalis โดยกระดาษเช็ดมือที่เคลือบด้วยสารสกัดกระเทียมหมักสามารถยับยั้งเชื้อก่อโรคทั้งสามชนิดได้ดี โดยส่งเสริมการลดลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ของจำนวนแบคทีเรียดังกล่าวทั้งหมดด้วยวิธี Disk Agar Diffusion Method และ (MIC50 ในระยะเวลา 60 วัน) ทั้งยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือโพรไบโอติกส์ ให้ยังคงอยู่ด้วยวิธี Serial Dilution เมื่อนำกระดาษเช็ดมือดังกล่าวเก็บไว้ในภาชนะปิด แห้ง ไม่มีแสง สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องและที่อุณหภูมิเย็น 4oC ได้นานอย่างน้อย 60 วัน และนานมากกว่า 180 วัน ตามลำดับ ส่วนสารสกัดน้ำหมักกระเทียมที่ความเข้มข้นตั้งแต่ 20-200 mg/mL สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้นานมากกว่า 6 เดือนหากน้ำหมักกระเทียมที่ได้มาจากการหมักในอาหารเหลวที่เติมนมสดร้อยละ 50 งานวิจัยที่ได้นี้ชี้ให้เห็นว่าชุดคิทสารสกัดน้ำหมักกระเทียมพร้อมการใช้งานเพื่อใช้ฉีดพ่นบนกระดาษเช็ดมือ มีศักยภาพและสามารถพัฒนาในเชิงพาณิชย์ระดับอุตสาหกรรม ทำให้ได้แนวทางการใช้สมุนไพรต่อยอดเพื่อการป้องกันการปนเปื้อนและแพร่กระจายของเชื้อโรค เป็นแนวทางหนึ่งของเทคโนโลยีสีเขียว ลดการใช้สารเคมีที่เป็นพิษอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพในการยับยั้งจุลินทรีย์ ลดปัญหาของสิ่งแวดล้อมและอันตรายจากการใช้สารเคมี