จำนวนงานวิจัย ( 66 )

Customer journey, customer experience, and customer satisfaction in the servicescape of the Bangkok Aesthetics clinics
The COVID-19 pandemic has significantly impacted the healthcare industry in Bangkok, particularly in medical and beauty clinics. To succeed in this highly competitive market, clinics need to understand and meet the changing needs of their customers. This study aims to explore the experiences of patients seeking medical care at clinics in Bangkok during the pandemic and the marketing strategies employed by medical clinics to target different types of customers. Through a qualitative research design, data will be collected through in-depth interviews with patients and clinic staff and observation of clinic operations. The study will also review relevant literature on healthcare services, marketing strategies, and patient experience. The findings will contribute to developing effective marketing strategies for medical and beauty clinics in Bangkok and inform future research in this field. Specifically, this study will answer the following research questions: What are patients' experiences seeking medical care at aesthetic clinics in Bangkok during the COVID-19 pandemic? How do aesthetic clinics in Bangkok market their services to different types of customers, and what strategies have been most effective?

Customer experience management, value, and satisfaction of customer through government service’s application program
The programmer designed the mobile application with a friendly version. Its application is planned for effortless usage and is easy to use, called User experience (UX). The mobile government application aimed to launch to facilitate people for their daily consumption and transaction. However, some functions and interfaces should be developed and customized to the specific user. The government’s mobile application is suggested to explore the Customer experience (CX) to ease and convince people to take advantage of the government mobile application. Using a qualitative and exploratory approach, the interview was conducted with the customer experience to explore the perception and feedback of government applications. A semi-structured interview with 17 participants was conducted to examine the customer experience. These findings provide important implications and input for the government mobile application and user experience development.

การศึกษาการอบแห้งฟ้าทะลายโจรด้วยเครื่องอบแห้งแบบฟลูอิดไดซ์เบด
ปัจจุบันฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก เนื่องจากมีรายงานผลการวิจัยพบว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาอาการไข้ที่เป็นอาการหนึ่งของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ ฟ้าทะลายโจรจัดเป็นสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ ทั่วทวีปเอเชีย โดยนิยมนําส่วนของใบและลำต้นใต้ดิน มาทำเป็นยารักษาโรค โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ สำหรับฟ้าทะลายโจรที่นำมาทำเป็นยารักษาโรคจะต้องผ่านวิธีทำให้แห้ง ในการทำให้แห้งปกติ ใช้วิธีการตากแดดตามธรรมชาติ ซึ่งมีข้อจำกัดเวลาในการผลิต จะทำให้การผลิตไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นโครงงานนี้จึงสนใจที่จะศึกษาการนำฟ้าทะลายโจรมาอบแห้งโดยใช้เครื่องอบแห้งแบบฟลูอิดไดซ์เบด ซึ่งเครื่องอบแห้งชนิดนี้สามารถลดความชื้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเครื่องอบแห้งแบบฟลูอิดไดซ์เบด ที่จะทำการศึกษาจะมีอุปกรณ์ประกอบด้วย ชุดพัดลมโบลเวอร์ 2 HP ที่ความเร็วรอบสูงสุด 2,950 rpm เป่าลมผ่านฮีตเตอร์ทำความร้อนขนาด 6,000 W เกิดลมร้อนไปยังถังอบขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 33 cm สูง 150 cm ในการทดลองนี้ได้กำหนดน้ำหนักฟ้าทะลายโจรในการอบครั้งละ 500 g, 1,000 g, และ 2,000 g ทดลองฟ้าทะลายโจรที่น้ำหนักละ 2 ครั้ง ที่อุณหภูมิ 40 °C และ 50 °C ความเร็วลมร้อน ที่ผ่านถังอบ 1.5 m/s โดยจะบันทึกข้อมูลการทดลองทุก 15 min เพื่อหาความชื้นที่ลดลงต่อช่วงเวลา ผลการทดลองพบว่าที่น้ำหนักฟ้าทะลายโจร 2,000 g อุณหภูมิ 40 °C ใช้เวลาในการอบแห้ง 105 นาทีและอุณหภูมิ 50 °C ใช้เวลาในการอบแห้ง 60 นาที ที่อุณหภูมิเท่ากันเมื่อเพิ่มน้ำหนักฟ้าทะลายโจร ทำให้ใช้ระยะเวลาในการอบแห้งเพิ่มขึ้น เมื่อเพิ่มอุณหภูมิการอบแห้งจาก 40 °C เป็น 50 °C ทำให้ระยะเวลาในการอบแห้งลดลงและพบว่าการสิ้นเปลืองพลังงานจำเพาะมีค่าลดลงเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการอบแห้งที่ 50 °C น้อยกว่า 40 °C

การเปรียบเทียบสัมประสิทธิ์ความต้านทางการหมุนของยางล้อรถจักรยานยนต์ระหว่างยางไบแอสและยางเรเดียล
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ศึกษาและเปรียบเทียบผลการทดสอบที่ได้จากเครื่องทดสอบความต้านทานการหมุนของยางล้อรถจักรยานยนต์ โดยใช้เครื่องทดสอบหาความต้านทานการหมุนของยางล้อและประยุกต์ใช้มาตรฐาน ECE Regulation No.75 และ No.117 การทดลองครั้งนี้ใช้ตัวอย่างยางล้อ 3 ชนิด คือยางไบแอสสำหรับทางเรียบ,ยางไบแอสสำหรับทุกสภาพผิวถนนและยางเรเดียลสำหรับทางเรียบโดยทดลองที่สภาวะอุณหภูมิ 25°C ความเร็ว 80 km/hr ภายใต้แรงกดซึ่งอ้างอิงจากความสามารถการรับภาระของยางสูงสุด คือ 1.255kN และทดลองที่มุม 0°, 5°, 10° และ 15° จากการทดลองค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานการหมุนของล้อรถจักรยานยนต์ขณะทำมุมต่างกัน พบว่ายางไบแอสสำหรับทางเรียบมีค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานการหมุนมากที่สุด และยางเรเดียลสำหรับทางเรียบ ค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานการหมุนน้อยที่สุด ส่วนค่าเฉลี่ยสัมประสิทธิ์ความต้านทานการหมุนในแต่ละมุมแปรผันตามมุมเอียง

ต้นแบบระบบตรวจสอบการปนเปื้อนในเมล็ดข้าวแบบอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มซีร่าคอร์
คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของแพลตฟอร์มซีร่าคอร์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับภาคอุตสาหกรรมในท้องถิ่น พบว่าสามารถนำซีร่าคอร์มาเป็นแพลตฟอร์มหลักในการพัฒนาระบบสนับสนุนกระบวนผลิตได้ โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปข้าวเปลือกโดยการสีข้าวผ่านโรงสี ปรากฏว่ามีขั้นตอนคัดแยกสิ่งปนเปื้อนออกจากเมล็ดข้าวที่แปรรูปออกมาเสร็จแล้ว ยังต้องการเทคโนโลยีสนับสนุนเพื่อให้การคัดแยกได้รับความสะดวกและคุณภาพมากขึ้น คณะผู้วิจัยจึงนำแนวคิดนี้มาจัดทำงานวิจัยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบตรวจสอบการปนเปื้อนของเมล็ดข้าวด้วยหลักการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกโดยแพลตฟอร์มซีร่าคอร์ หลักการทำงานของระบบเริ่มต้นจากตรวจสอบเมล็ดข้าวและประมวลผลภาพผ่านกล้องเว็บแคมด้วยแพลตฟอร์มซีร่าคอร์ เมื่อระบบสามารถตรวจสอบเมล็ดข้าวได้แล้วจะจับภาพหน้าจอที่ระบบตรวจสอบได้ ส่งผลไปยังแอพพลิเคชันไลน์เพื่อผู้ใช้ดูผลลัพธ์ในของการตรวจสอบได้ ซึ่งผลการประเมินความพึงพอใจจากผู้ใช้งานระบบพบว่าอยู่ในระดับดี ดังนั้นผลการศึกษาและวิจัยนี้สามารถใช้เป็นระบบต้นแบบของการนำแพลตฟอร์มซีร่าคอร์มาประยุกต์ใช้งาน และเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในขั้นตอนการคัดแยกสิ่งปนเปื้อนในกระบวนการผลิตได้ รวมถึงเป็นแนวทางการพัฒนาและต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมได้ในอนาคต